วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

พระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังหลังคาโบสถ์

พระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังหลังคาโบสถ์นี้ ผู้รู้บอกว่าที่องคืพระบิดเบี้ยวเอนเอียงออกไปทางชวานั้น เป็นเพราะบล็อคที่ใช้กดพิมพ์พระรุ่นนี้น่าจะเป็นบล็อคไม้หรือบล๊อคชาวบ้านที่ทำขึ้นมาและให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จท่านกดพิมพ์พระจะเห็นว่าบล็อคเอนเอียงไม่ตรงเมื่อเวลากดพิมพ์ทำให้รูปองค์พระเอียงเพราะบล็อคไม่แน่น เราเรียกว่าบล็อคไม้ประชาชน พระพิมพ์นี้ส่วนมากออกมาแล้วไม่ค่อยสวยเกี่ยวเนื่องมาจากบล็อคพิมพ์นั่นเอง อีกทั้งเมื่อพิมพ์เสร็จแล้วนำออกมาตาก ก็ยังไม่แห้งสนิทนัก ก็นำออกแจกชาวบ้านเวลาท่ีี่ออกบิณฑบาตรตอนเช้า จนกระทั่งนำเก็บบนเพดานโบสถ์วัดระฆัง จวบจนในปี 2525 ฉลองกรุงเทพ 200 ปี  ซ่อมวัดพระแก้วจึงพบพระรุ่นนี้อยู่บนเพดานโบสถ์ดดยรวมกองกันอยู่ไม่มีกล่องใส่รวมวางไว้อย่างนั้นมาเป็น 100 ปีกว่า จนกระทั่งปลวกจับเป็นก้อนกลมบ้างสี่เหลี่ยมบ้าง แกะกันไม่ออกบ้างก็แตกออกตามสภาพบ้าง อีกทั้งขี้ปลวก น้ำลายปลวกเกาะเต็มไปหมด องคืพระเกิดความร้อนบิดเบึยวไปตามความร้อนของอุณหภูมิหลังคาโบสถ์ท่ี่ตากแดดตั้งแต่เข้าจนกระทั่งค่ำทุกวี่วันร้อยกว่าปีมาแล้ว สภาพพระบิดงอด้วยความร้อน ผมเห็นว่าแปลกดีเลยเก็บบูชาไว้ครับ ลองพิจารณาดูเอานะครับ รุปองค์พระก็สวยพอได้ตามแบบบล็อคไม้ชาวบ้านนะครับ

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

สมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่หลังดอกพิกุล


เนื้อพระพิมพ์องค์นี้อยู่ในขั้นสวยงามมาก ๆ ตามประสาของผมนะครับ มีแตกลายงาบ้างและมีเมล็ดอัญมณีแร่รัตนชาติ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงินอยู่ปนประปรายพอสวยงาม มีสีดำน่าจะเป็นนิลหรือหินดำเศษพระซุ้มกอท่ี่แตกหักนำมาป่นบดผสมในมวลสารกดพิมพ์พระ ด้านหลังเป็นพิมพ์ลายดอกพิกุลไม่คาอยพบนะครับ ผมได้สอบถามทางผู้รู้ทราบมาว่า พิมพ์หลังดอกพิกุลนี้จะทำแจกเฉพาะองค์พระมหากษัตรย์และข้าราชบนิพานที่อยู่ในวังเท่านั้น สมัยก่อนการปกครองในระบอบสมบรูณายาสิทธิราช เรื่องภายในวังต่าง ๆ นั้น ราษฎรษ์ ไม่จำเป็นต้องทราบทุกเรื่องไป ฉนั้นการำพระพิมพ์นี้ส่วนมากราษฎรษืไม่ทราบเรื่องรู้กันแต่เฉพาะบุคคลท่ีอยู่ในวังเท่านั้น ท่ีเล็ดลอดออกมาได้บ้างเพราะคนที่อยู่ในวังเอามาแจกญาติพี่น้องที่อยู่ข้างนอกทำให้ทราบว่ามีพระพิมพ์นี้เหมือนกัน แต่ก็ไม่มากนัก เพราะไม่มีใครสนใจ ลองชมดูนะครับ

พระพิมพ์สมเด็จวังหน้าเจ้ากรมท่าพิมพ์ฐานคู่เนื้อปัญจสิริ 2411

เนื้อองค์พระกอบด้วยสีปัญจสิริผสมกลมกลืนกันอยู่ในองค์พระสวยงามมาก สีทั้งห้าไม่ผสมกันถึงแม้จะอยู่ใกล้กันก็ตาม นี่เป็นคุณสมบัติพิเศษของพระพิมพ์นี้ที่หายากยิ่ง สีทั้ง 5 ทางจีนเขาเรียกอู๋ใช่ คือสีมงคลทั้ง  5 นั่นเอง สมัยนั้นเราค้าขายกับจีนแล้วนะครับมีการนำเอาสีมาทำชามเบญจรงค์ เครื่องสังขโลกนั่นเอง เจ้ากรมท่าไปเมืองจีนเลยนำเอาสีเข้ามาทำชามสังคโลกและเตาเผาชามด้วยเลยได้สีมาพิมพ์พระปัญจสิริ ครับนี่แหละพระประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่ทุกคนควรหามาไว้ครอบครองเพราะอีกหน่อยจะไม่มีแล้ว คนที่ทราบตอนนี้เขารีบแสวงหาเก็บไว้แล้วนะครับ อีกหน่อยคงหายากพอ ๆ กับสมเด็จวัดระฆังนะครับ พุทธคุณ อิทธิคุณมตตามหานิยมอย่างสูงมากสูงสุดในกระบวนพระสมเด็รนะครับ และเป็นรุ่นสุดท้ายที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ฯ ท่านอธืฐานจิตให้ เพราะอีก 4 ปี ท่านก็สิ้นชีพพิตักษัย ในปี พ.ศ. 2415 พิธีมหาพุทธาภิเสกที่วังหน้า วัดบวรสุทธาวาสหรือวัดพระแก้ววังหน้าครับ พิธีในวัง หรือบางคนเรียกพระวังนั่นเองครับ ลองชมกันพอได้นะครับ ช่วงนี้ฝนตกอย่าให้น้องน้ำมาดูพระด้วยนะตรับ
ขี้เกียจซ่อมบ้านนะครับ ตามสบายนะครับ

พระพิมพ์สมเด็จวังหน้าเจ้ากรมท่าพิมพ์ฐานคู่เนื้อปูน 2411

เนื้อองค์พระดูนุ่มฉ่ำมันวาว ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงสภาพเดิมอยู่อย่างนี้นะครับ เนื้อองค์พระมีแตกลายงาบ้างนิดหน่อย พระเกศยาวเรียวตามฉบับวังหน้า มีผงทองบ้างเล้กน้อย ตัวฐานคู่มองดูคู่สง่างามสมองค์พระ เนื้อออกขาวแก่อมเหลืองด้านหลังมีรอยหนอนด้น 2 รอยเป็นขั้นคู่กันไปแสดงถึงการหดตัวของเนื้อองค์พระ บ่อน้ำตามีเล้กน้อย เนื้อเดิม ๆ เลยครับ ไม่ได้ล้างแต่อย่างใดเลยครับ

พระพิมพ์สมเด็จวัดระฆังพิมพ์เกศบัวตูม

เนื้อองค์พระดูฉ่ำเปียกแต่ความจริงแห้งแข็งแกร่งสวยงาม มีแตกลายงาบ้างเล็กน้อย เส้นแซมใต้ฐานืท่ี 1 และ ฐานที่ 2 ยังพอมองเห็นชัดอยู่มองด้วยตาเปล่าเห็นสบายครับ มวลสารแทบจะไม่เห็นเลยแต่พอมีอยู่บ้างพอสมควร สีองค์พระออกเหลืองขาวตามสภาพ แต่คะเนว่าน่าจะแก่ปูน จัดว่าเนื้อดีองค์หนึ่ง ดูกันเพลิน ๆ นะครับ ระวังน้องน้ำด้วยได้ข่าวว่าคิดถึง กรุงเทพจังเล้ยยยยยย 5555555 อยากมาเต็มที่แล้ว

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

พระพิมพ์สมเด๋จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่

เนื้อพระองค์นี้มีส่วนผิดตาเล้กน้อยท่ีเข่าขององค์พระถูกกดทับจนแบนราบไปทางซ้าย (เข่าด้านขวาของรูป) ส่วนมวลสารอื่น ๆ มีตามปกติเช่นเม็ดเขียวเม็ดแดง เหลืองอยู่ตามสภาพของพระ เนื้อออกปูนเปลือกหอยแกร่งแข็งสีออกเหลืองนวล มีแป้งรอบวงแขนและพระคันฉะตามปกติของพระสมเด็จท่ี่ีเกิดขั้นมาเองตามธรรมชาติ ผมสอบถามเจ้าของพระถึงที่มาของจุดที่สงสัยได้รับคำตอบมาว่า พระองค์นี้ถูกพบอยู่ในบาตรน้ำมนต์ของหลวงปู้โตท่านภายหลังที่ท่านสิ้นชีพิตักษัยแล้ว โดยพระรุ่นนี้ถูกกองทับถมกันอยู่ในบาตรน้ำมนต์จนพระพักตร์แบนราบ เข่าแบบโย้ไปทางซ้ายขององค์พระ หรือนัยหนึ่งพิมพฺโย้ไปนิดหนึ่ง ผิวหน้าองค์พระแบนราบเหมือนมีอะไรกดทับกัันอยู่ พิจารณาแล้วไม่มีร่องรอยการใช้มาก่อนจะมีก็รอยแบนราบทั่งองค์พระอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนอื่นขององค์พระปกติสวยงามตามสภาพครับ เจ้าของเก่าบอกแช่บาตรน้ำมนต์มานานหลายปีและอยู่ในห้องสมเด็จโต ฯ ท่าน โดยพระสุมกันอยู่ก้นของบาตรน้ำมนต์ตั้งไว้ในห้องจำวัดในวัดระฆังนั่นเอง อันนี้ขอให้ท่านพิจารณาเอาเองนะครับผมก็ฟังมาจากเจ้าของพระนั่นแหละครับ บุญพระรักษาทุกท่านที่ทำความดีนะครับ พี่เหมี่ยวแมวน้ำนครปฐม

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

พระพิมพ์สมเด็จเจ้ากรมท่าวังหน้า 7 ชั้น

พระพิมพ์สมเด็จเจ้ากรมท่าพิมพ์ 7 ขั้น องค์นี้เนื้อสวยงามตามแบบฉบับของพระวังหน้า ตามรูปมีอยู่ 2 องค์ครับคือองค์ที่ลงชาดแดงรักสมุกดำและล้างองค์พระ กับองค์ที่ไม่ลงรักสมุกดำและชาดแดงมองเห็นเนื้อองค์พระเปล่า ๆ เลยครับ สวยน่าดูมีคราบกรุเต็มไปหมดบ่งบอกถึงความเก่าของพระที่อยู่ในกรุมานานเต็มทีครับ เนื้อองค์พระแข็งแกร่งคุณสมบัติของปูนและเปลือกหอยที่ผสมกันอยู่ในองค์พระ ส่วนพิมพ์นั้นออกมาในแนวคล้าย ๆ สมเด็จเกศไชโยคือ หูบายศรีอกร่อง ฐาน  7  ชั้น และที่แปลกพิเศษคือ องค์พระที่ไม่ลงชาดแดงนั้น ผมส่องดูมีตัวกินพระอยู่ด้วย เป็นตัวสีขาวเล็ก ๆ สามารถมองเห็นด้วยตาเวลาส่องกล้องได้ครับ เมื่ออยู่ไปนาน ๆ มันจะอ้วยขึ้นและตัวก็จะแดงขึ้น จนเป็นตัวแก่สีดำเข้มและตายไปในที่สุด ผมถ่มผู้รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ได้รับคำตอบมาว่าในเนื่อองค์พระท่ีท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตมอบให้มานั้นมีทั้งข้าวสุก เศษอาหารและสิ่งของต่าง ๆ ที่ท่านเจ้าประคุฯสมเด็จท่านเคี้ยวแล้วคายออกมาเก็บไว้และนำมาผสมในตัวมวลสารนั่นเอง มันก็เลยเกิดขึ้นตามธรรมชาติของชีวิตคือสัตว์ตัวเล็ก ๆ สีขาวนวลและอาศัยกินอาหารจากเนื้อองค์พระที่มันอาศัยอยู่นั่นเองเลยเรียกว่าตัวกินพระ ผมถึงว่านาน ๆ นำพระมาส่องดู ทำไมพระแหว่งไปมากกว่าเดิม อ้อตัวกินพระนี่เองต้นเหตุ และอาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ด้วยว่าถ้ามีส่วนผสมของทา่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ฯ ท่านแล้ว น่าจะมีตัวกินพระเกิดขึ้นทุกองค์นะครับลองพิจารณาดูเอาเองนะครับอย่าเชื่อผมมากนัก แต่มันเป็นอย่างนั้น จริง ๆ ครับ

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

พระพิมพ์สมเด็จวังหน้าพิมพ์ 7 ชั้นบนผ้าทิพย์ลงชาดรักสมุกดำ

เนื้อพระองค์นี้บางตามแบบวังหน้ามีปูนเปลือกหอยและปูนขาวจากเมืองอันฮุยผสมอยู่ทำให้องค์พระแข็งแกร่งมองดูนุ่มแต่ลองวางกัยพิ้นกระจกดูเสียงดังเหมือนกับหินกระทบกระจกเลยครับ ผมงี้เสียวกลัวองค์พระจะหัก พิมพ์นี้เกศเล็กตูมเหมือนเม็ดมะยม หูบายศรียาวคล้ายเกศไชโยพิมพ์ 7 ชั้นนั่งบนผ้าทิพย์อกตันรูปตัววีวงค์แขนด้านขวาออกกลมพองานสมส่วน ครอบแก้วองค์นี้จัดว่าสวยมากไม่มีรอยสึกเลยสันนิษฐานว่าเป็นพระเก่าเก็บมากกว่าเพราะไม่มีร่องรอยการใช้งานมาก่อน องคืพระบางลงชาดแดงรักสมุกดำเคลือบไว้ องค์นี้ผ่านการล้างมาแล้วแต่ไม่สึกมองเห็นเนื้อพระด้านในชัดเจนครับ ลักษณะพุทธพิมพ์สวยงามมากครับ เนื้อในองค์พระมีผงทรายขาวจากเมืองพัทยาผสมอยู่ด้วยวลาส่องกระทยแดดออกแสงแวววามอยู่ในตัวเหมือนแสงดาวเลยครับ ลองดูนะครับพิจารณาดูเอาตามสบายครับ

พระสมเด็จปัญจสิริ 2411 วังหน้า

พระพิมพ์สมเด็จปัญจสิริองค์นี้ตามประวัติเป็นพระที่สร้างขี้นเพื่่อเฉลิมฉลองการขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด๋จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ. 2411 โดยมีกรมพระราชวังบวรสถานมงคล กรมพระราชวังบวรวิชัยชาญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชองค์สุดท้ายของวังหน้าเป็นประธานฝ่ายฆราวาส และท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต พรหมรังสี เจ้าอาวาสวัดระฆังเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เข้าร่วมพิธีมหาพุทธราภิเสกที่ในวังหน้าที่วัด บวรสถานสุทธาวาส หรือวัดพระแก้ววังหน้า โดยมีพระเกจิอาจารย์ในสมัยนั้นร่วมพิธีมหาพุทธราภิเสกร่วมด้วยอีกหลายองค์ อาทิ หลวงปู่จาด หลวงปู่คำ หลวงพ่อเงินวัดบางคลาน หลวงปู่ทวด ส่วนพระอภิญญาส่วนมากจะเชิญมาทางกายที่มองไม่เห็นหรือที่เรียกว่าอทิญสมานกายมานั่นเอง เช่นหลวงปู่เทพโลกอุดร อาจารย์ในสมเด็จวังหน้า จัดเป็นพิธีหลวงใหญ่มาก เสร็จพิธีแล้วก็แจกเฉพาะข้าราชการในวัง ทหารตำรวจวัง ข้าราชการบริพานในวังหน้า วังหลวง และวังหลัง ส่วนมากพระพุทธพิม์ชุดนี้ประชาชนทั่วไปไม่ได้รับแจกเพราะจะนำเอาไปบรรจุกรุ เช่นกรุเจดีย์ทองในวัดพระแก้ววังหน้า และวังหลวง ใต้หลังคาโบสถ์วัดพระแก้ววังหน้า ตามเจดีย์ต่าง ๆ รอบวัดพระแก้ววังหน้า และท่ีเหลือนำออกไปบรรจุกรุตามวัดหลวงต่างจังหวัดบ้าง คนทั่วไปส่วนมากจึงไม่รู้จักพระพิมพ์รุ่นนี้ มาฮิอฮา ก็ต่อเมื่อมีการบรูณะวัดพระแก้วในการฉลองกรุงเทพ 200 ปี จึงพบพระชุดนี้ขึ้น เพราะช่างท่ีทำการก่อสร้างรื้อหลังคาโบสถ์เป็นผู้พบวางอยู่ใต้หลังคาโบสถ์เต็มไปหมดจึงแอบนำลงมาด้วย และนำไปขายท่ีตลาดพระท่าพระจันทร์หาเงินไปทานข้าวแต่ไม่มีใครสนใจมากนัก เพราะไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นพระอะไรจนกระทั่งทางการทราบจึงสั่งให้เจ้าหน้าท่ี่กรมวังออกไปเก็บเอามาคืน แต่ก็หลุดออกไปมากเหมือนกัน ผู้ใดมราได้ไปก็เก็บเข้ากรุประจำบ้าน พระพิมพ์รุ่นนี้ก็ไม่มีโอกาศโชว์ความงามขององค์พระอีกเลย ภายหลังมีการปลอมแปลงเกิดขึ้นมาอีกทำให้เกิดความไม่เชื่อถือ ข่าวเกี่ยวกับพระพิมพ์รุ่นนี้จึงเงียบหายไป แต่ท่านผู้ใดมีไว้ขอให้ทราบนะครับว่า ท่านได้ของดีที่สุดในสยามไว้ในครอบครองแล้วเก็บไว้ให้ดีนะครับท่าน เพราะตามท่ีได้ตรวจอิทธิคุณแล้วจากพระอภิญญาสายกรรมฐาน มีอิทธิคุณมากกว่าสมเด็จวัดระฆัง 5 เท่านะครับ ลองชมความงามของพระพิมพ์ชุดนี้นะครับ อ๋อที่หายไปนานนี่งานมันรัดตัวนะครับ เพราะชีวิตต้องดำเนินต่อไปตามกฏของมันนะครับ บุญพระรักษาทุกท่านที่ทำดีนะครับผม พี่เหมี่ยวแมวน้ำนครปฐม